Sunday, February 22, 2009

จัดการกับ ‘เส้น’ พิสูจน์ความจงรักภักดี



ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข

ตลอดช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมได้พยายามที่จะไปให้พ้นเรื่องอื่นๆ ปรับหัวจิตหัวใจให้โอกาสรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เพราะตระหนักถึงความเป็นจริงของสภาพการเมืองที่เกิดขึ้น และยอมรับสิ่งที่มันเป็น มากกว่าจะมาหมกมุ่นกับความไม่เป็นธรรมที่มันเกิดขึ้น กระทั่งตระหนักรู้ด้วยว่า ไม่ว่ารัฐบาลพรรคไหน นักการเมืองจากการเลือกตั้ง หรือฝ่ายปกครองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็ล้วนแล้วแต่ดีร้ายเลวทรามและเป็นมนุษย์เหมือนกันหมด
แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งฟังข่าวสารทุกวัน พิจารณานโยบายของรัฐบาล ติดตามการบังคับใช้กฎหมาย ติดตามการทำงานของสื่อ ก็มีแต่จะทำให้เครียดขึ้น และเห็นชัดขึ้นไปอีกในความไม่เป็นธรรมทุกขั้นทุกกระบวนการ เอาแค่เรื่องง่ายๆ ที่ปรากฏ เราก็จะเห็นนักวิชาการหน้าเดิมๆ ที่เคยเรียกร้องอย่าใช้ความรุนแรงในวันที่มีม็อบพันธมิตรฯ และตีกันการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลพรรคพลังประชาชนโดยกล่าวหาว่า “มันรุนแรง” วันนี้ก็ได้ออกมาพูดหนุนให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายเสียแล้ว
กลุ่มองค์กรนักสิทธิฯ ทั้งหลายที่รณรงค์ไม่เอาสงครามกลางเมือง มาวันนี้ก็เงียบเป็นเป่าสาก ทั้งๆ ที่กลุ่มคนเสื้อแดงผุดขึ้นปฏิบัติการต่อต้านนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ในหลายท้องที่อย่างกว้างขวางยิ่งกว่าสมัยพันธมิตรฯชุมนุม เครือข่ายพันธมิตรฯ ที่เคยออกมากดดันรัฐบาลก่อนว่า ไม่สามารถควบคุมความสงบได้ ควรลาออกไปหรือยุบสภา ก็หายวับไป พร้อมกับเอออวยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
ไม่มีสื่อตั้งคำถามว่า ทำไม? เสียงระเบิดที่เกิดขึ้นทุกวี่วันในที่ต่างๆ สมัยพันธมิตรฯชุมนุมจึงหายไปแล้ว ทั้งๆ ที่ฝ่ายที่โดนกล่าวหาหรือถูกทำให้เชื่อว่า เป็นฝ่ายกระทำอย่างเสื้อแดงทั้งหลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทางการเมือง แล้ว แต่ไฉนวันนี้จึงมีแต่ ‘ไข่’ ที่เอาไว้ขว้าง และปากร้ายๆ ที่เอาไว้ด่าแบบที่คนชั้นกลางไม่ชอบ
ที่สำคัญทำไมปล่อยให้การกระทำของพันธมิตรฯ อันร้ายแรงที่ผ่านมาเงียบหายไป ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สังคมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเพียงพอไหม หรือ ‘ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด’ กันอยู่ตลอดเวลา แล้ววันสงบสุขจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
วิจารณ์กันตามตรงเลย การปฏิบัติของพรรคประชาธิปัตย์ด้วยการ ‘พูด’ ที่ผ่านมาหนึ่งเดือน ไม่เพียงแต่ไม่สามารถเรียกความสงบสุขกลับมาได้ มีแต่ถมทับความเคียดแค้นชิงชังให้ทบทวีขึ้น เพราะไม่ว่าอย่างไร ฝ่ายสีเสื้อแดงก็คือ ‘คนอื่น’ ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อยู่ดี เป็นคนอื่นที่มีทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังอยู่ดี โดยไร้ซึ่งปัญญาและญาณวิเคราะห์เพื่อจะเข้าใจได้ว่า ทำไมทักษิณ ซึ่งไม่ได้มีนโยบายอำนาจวาสนาอะไรมาช่วยเหลือชาวบ้านเกือบ 3 ปี ทำไมจึงยังนั่งอยู่กลางใจชาวบ้านอยู่ได้

พูดตามตรงเลยนะครับ ทักษิณก็ทักษิณ สำหรับชาวบ้านแล้ว ด้วยเวลาขนาดนี้ เพียงพอที่จะทำให้ทักษิณ ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากหยิบใช้เป็นแค่เครื่องมือการต่อสู้ เขาไม่ได้ออกมาเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางปาไข่ป่วนเมืองเพื่อทักษิณอีกแล้ว หลายคนที่ต้องติดคุกถูกดำเนินคดีไม่ว่าจะเรื่องใดๆ เขาไม่ได้สู้เพื่อทักษิณแน่ๆ เขาสู้เพื่อตัวเขาเอง เพื่อความเป็นธรรม เพื่อสิทธิเสรีภาพ เพื่ออำนาจอธิปไตยที่เป็นของเขา หรืออย่างน้อยก็เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจในปลายปีที่ผ่านมา คนเหล่านี้ตระหนักดีว่า หากเขาต้องติดคุกก็ไม่มีหรอกที่จะมีนักการเมืองคนไหนไปช่วยหรือเห็นใจเขา หรือช่วยดูแลครอบครัวของเขาได้จริงๆ

วิเคราะห์กลุ่มปัญหาไม่ออกก็แก้ผิด เหมือนที่รัฐบาลทักษิณแก้ปัญหาผิดในกรณี 3 จังหวัดภาคใต้
ผมอยากจะเตือนความจำนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ถึงหลักนโยบายที่ท่านแถลงในการประชุมรัฐสภาที่กระทรวงต่างประเทศเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551 ซึ่งแม้ผ่านมาไม่กี่วัน แต่ไม่รู้ทำไม กลัวท่านจะลืม หรือแม้ท่านท่องได้ไม่ลืม ก็อาจจะยังไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง และอาจจะแก้ปัญหาผิดพลาดจนจะกลายซ้ำรอยแบบตอนที่ทักษิณแก้ปัญหาใต้อีกครั้ง
ผมจึงเขียนจดหมายถึงนายกฯ ครับ และจะขออนุญาตเสนอผ่านทางนี้ล่ะครับ

No comments: